หน่วยที่ 4 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนองาน


ความหมายของบล็อก (Blog)
บล็อก (Blog) หรือ เว็บบล็อก (Weblog) คือ เว็บไซต์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีรูปแบบเนื้อหาเป็นข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว วีดีโอ เป็นเหมือนบันทึกออนไลน์ มีส่วนของการ comments แสดงข้อคิดเห็นของผู้เข้าชมบล็อก และก็จะมี link ไปยังเว็บไซต์ หรือบล็อกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย
บล็อกซอฟต์แวร์หรือบล็อกแวร์
คือ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการเนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ดูแลบล็อกจะแยกจาก ผู้สร้างบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้านเอชทีเอ็มแอล หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้สร้างบล็อกมีเวลาในการปรับปรุงบล็อกได้มากกว่าโดยซอฟต์แวร์จะมีทั้งแบบมีลิขสิทธิ์ผู้สร้างบล็อกต้องเสียค่าดาวน์โหลดซอฟต์แวร์มาติดตั้งเพื่อสร้างบล็อก หรืออาจจะแจกฟรี และซอฟต์แวร์แบบไม่สงวนลิขสิทธิ์ที่เรียกว่าโอเพนซอร์ส ผู้ต้องการสร้างบล็อกสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์นั้นมาติดตั้งได้ฟรี
รายชื่อบล็อกซอฟต์แวร์ ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
1. ดรูปาล ( Drupal )
2. เวิร์ดเพรสส์ ( WordPress )
3. ไลฟ์ไทป์ ( Life Type )
4. จุมล่า ( Joomla )
5. แมมโบ้ ( Mambo )
รายชื่อผู้ให้บริการบล็อก ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
1. บล็อกเกอร์ ( Blogger )
2. ไทป์แพด ( Typepad )
3. เวิร์ดเพรสส์ ( WordPress )
4. ยาฮู! 360° หรือ ยาฮู!เดย์ ( Yahoo 360 )
5. วินโดวส์ไลฟ์ สเปซเซส (Windows Live Spaces)
6. มายสเปซ ( My Spaces )
7. มัลติพลาย ( Muliply )
8. บล็อกวัน ( Blognone )
9. เอกซ์ทีน ( Exteen )
10. โกทูโนว์ ( GotoKnow )
11. เลิร์นเนอร์ ( learners )
12. บล็อกแก๊ง ( BlogGang )
13. โอเคเนชั่น ( OKnation )
14. สนุกดอทคอม (Sanook )
15. กระปุกดอทคอม ( Kapook )
ความหมายของเว็บไซต์ (Website)
เว็บไซต์ (Website) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่างๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ คำที่ใช้เรียกกลุ่มของเว็บเพจ ดังนั้นภายในเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยโฮมเพจและเว็บเพจโดยเว็บไซต์ต้องมีการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์นั้นๆ ไว้แล้ว เช่น http://www.google.com, http://www.mkp.ac.th เป็นต้น โดยเว็บไซต์แบ่งตามลักษณะการใช้งานและการโต้ตอบกับผู้ใช้ได้เป็น 2 ชนิด คือ Static Website คือ เว็บไซต์ที่ตอบสนองทางเดียว ไม่มีการติดต่อกับฐานข้อมูล และไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ เป็นการนำเสนอข้อมูลแบบทางเดียว เหมือนกับการอ่านหนังสือ และเนื่องจาก Static Website มีการนำเสนอข้อมูลแบบตายตัวนี้เอง จึงไม่เป็นที่สนใจของผู้พบเห็น ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นเว็บไซต์ประเภทนี้มากนัก เนื่องจากไม่สามารถบริหารข้อมูลได้สะดวก จึงทำให้เว็บไซต์ที่พัฒนาด้วยวิธีนี้ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ และปิดตัวเองไป หรือพัฒนาใหม่ในรูปแบบ Dynamic Website
Dynamic Website คือ เว็บไซต์ที่สามารถตอบสนองระหว่างผู้ใช้กับเว็บไซต์ได้ มีการติดต่อและเก็บข้อมูลลงในฐานข้อมูล ซึ่งเว็บไซต์จะพัฒนา ด้วย Web Programming (ASP, PHP, ASP.net, อื่นๆ) อาจกล่าวได้ว่า Dynamic Website เป็นเว็บไซต์ที่มีระบบจัดการข้อมูล สำหรับให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อมูลได้โดยง่ายผ่านทาง Login ในหน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้จะได้รับ Username และ Password ส่วนตัวสำหรับเข้าไปแก้ไขข้อมูล ในฐานะ Administrator รูปแบบของเว็บไซต์ประเภทนี้ มีตั้งแต่รูปแบบของ ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce), เว็บข่าว หรือแม้แต่ Corporate Website ที่เน้นการสร้างความน่าเชื่อถือ และให้ข้อมูลที่รวดเร็วแก่ลูกค้า เช่น ราคา โปรโมชั่นต่างๆ
เว็บเพจ (Webpage) คือ หน้าแต่ละหน้าที่บรรจุรวมเป็น เว็บไซต์นั้น ๆ โดยแต่ละเว็บไซต์จะมีเว็บเพจได้หลายเว็บเพจนั่นเอง โดยทั่วไป เว็บเพจส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTML หรือ XHTML (ซึ่งมักมีนามสกุลไฟล์เป็น htm หรือ html) มีลิงก์สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น ๆ สามารถใส่รูปภาพ และรูปภาพยังสามารถเป็นลิงก์ไปยังเว็บเพจได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใส่แอปเพล็ต (applet) ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กแสดงภาพเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ หรือสร้างเสียง โปรแกรมที่ใช้เปิดดูเว็บเพจเรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นที่นิยม เช่น อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์, Netscape, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, และ ซาฟารี เป็นต้น
โฮมเพจ (Homepage) คือ เว็บเพจแรกที่เป็นหน้าหลักของเว็บไซต์นั้น ๆ จะมีเว็บเพจเดียวแต่จะบรรจุลิ้งเพื่อเข้าถึงเว็บเพจต่าง ๆ ที่บรรจุในเว็บไซต์นั้น
จากความหมายของเว็บไซต์ เว็บเพจ และโฮมเพจ ข้างต้นสามารถนำมาเปรียบกับ หนังสือได้ว่า เว็บไซต์คือหนังสือหนึ่งเล่มที่ โฮมเพจเป็นเสมือนสารบัญหนังสือ ที่สามารถเชื่อมเส้นทางไปยังหน้าต่างๆ ของหนังสือได้ และ เว็บเพจ ก็คือหน้าทุก ๆ หน้าของหนังสือเล่มนั้น
ความเป็นมาของ Blog
ใน ปี 1997 Mr.Jorn Barger เจ้าของเว็บ robotwisdow.com ซึ่งเป็น Blog รุ่นแรกๆ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นคำว่า weblog ขึ้น จากนั้นก็เริ่มมี weblog ก็เกิดขึ้นตามมาเรื่อยๆ
ในปี 1999 โดย mr.Peter Merhole เจ้าของเว็บ peterme.com ได้ประกาศว่าจะอ่าน Weblog ว่า วี-บล็อกหรือเรียกสั้นๆ ว่า Blog
ต่อมาเริ่มมีเว็บไซต์ที่ให้บริการช่วยสร้าง Blog ให้กับผู้ใช้แบบฟรีๆ นั่นคือ Blogger.com กับ Pitas.com โดยการสมัครเป็นสมาชิกพร้อมกับให้ใช้เครื่องมือในการสร้าง Blog ของตนเองผ่านทางเว็บเบราวเซอร์ เช่น IE , Firefox เป็นต้น ทำให้มีผู้ใช้สร้าง Blog ของตนเองเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความแตกต่างระหว่าง Blog และ Website
Blog แตกต่างจากเว็บไซต์แบบ Static ตรงที่ Blog จะมีเรื่องให้น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นบทความใหม่ ๆ ที่มีให้อ่านมากกว่าและมีความหลากหลาย มีพื้นที่ให้ผู้อ่านได้โต้ตอบได้ ซึ่งมีผู้กล่าวไว้ว่า Blog จะมาแทนที่เว็บไซต์นิ่ง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนป้ายประกาศออนไลน์ โดยการสร้างบล็อกไม่ต้องมีภาระค่าจดทะเบียนเว็บไซต์เอง สามารถสมัครสมาชิกเพื่อใช้พื้นที่บนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการได้ฟรี และระบบการสร้างบล็อกนั้นง่าย สามารถอัพเดทบทความหรือปรับปรุงเนื้อหาของบล็อกได้ง่าย เป็นการทำการตลาดแบบไวรัส (Viral Marketing) คือ สถาปัตยกรรมทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่แพร่กระจายจากคนหนึ่งสู่อีกหลายๆ คนผ่านระบบ Social Media จึงทำให้มีผู้สนใจสร้างบล็อกในหลาย ๆ วัตถุประสงค์และเผยแพร่สู่สาธารณะเป็นจำนวนมาก

7 ความคิดเห็น:

  1. เหมือนจะง่ายนะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 กันยายน 2562 เวลา 23:46

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ12 กันยายน 2562 เวลา 23:51

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ12 กันยายน 2562 เวลา 23:57

    ยากโว้ย//หนูทำไม่ได้

    ตอบลบ